👶 เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ คืออะไร จำเป็นหรือไม่? และมีรุ่นไหนบ้าง?
ในช่วงที่คุณแม่ท้อง เป็นหน้าที่ของแม่ท้องทุกคนที่จะใช้ภูมิคุ้มกันของแม่ มาช่วยป้องกันอันตรายให้ลูกในท้อง รวมถึงใช้ร่างกายตัวเองในการเลี้ยงให้ลูกในท้องเจริญเติบโตภายในท้องเป็นเวลา 9 เดือนเต็ม จนกว่าลูกในท้องจะแข็งแรงพอที่จะลืมตาออกมาสู่โลกภายนอก
.
แต่ในช่วงที่ลูกยังอยู่ในท้อง เราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง กำลังเกิดอะไรขึ้นภายในท้องบ้าง ทำให้เกิดคำถามว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องกำลังตกอยู่ในอันตราย สัญญาณ อันตรายระหว่างตั้งครรภ์ แบบไหนบ้างที่ต้องรีบไปหาหมอ
.
ในช่วงสัปดาห์ที่ 16-20 ของการตั้งครรภ์ แม่ท้องจะเริ่มรู้สึกว่าลูกดิ้นกันแล้ว โดยการดิ้นของน้องทำให้ทราบถึงสุขภาพของลูกในท้อง ดังนั้นหากลูกในท้องดิ้นน้อยลง ไม่ดิ้น หรือมีลักษณะการดิ้นที่ผิดปกติ แม่ท้องควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
.
อีกวิธีหนึงคือคุณแม่ท้องสามารถฟังเสียงหัวใจของลูกเต้น ที่บ้าน (โดยเครื่องฟังเสียงหัวใจทารกแบบพกพา) ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 14 ของการตั้งครรภ์ ทั้งนี้อัตราการเต้นหัวใจของทารกในครรภ์จะอยู่ระหว่าง 110-160 ครั้งต่อนาที และจะค่อยๆลดลงเหลือ 130 ครั้งต่อนาทีเมื่อใกล้จะคลอด
ทั้งนี้ เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก ในครรภ์ ยี่ห้อ Jumper ได้รับรองมาตรฐานจากทางยุโรปและอเมริกา และไม่มีอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ทั้งนี้รุ่นยอดนิยมมีดังนี้ซ
.
1.รุ่นพื้นฐาน JPD-100S ซึ่งเป็นรุ่นราคาย่อมเยา สามารถฟังเสียงหัวใจน้องผ่านหูฟัง

2.รุ่นดิจิตอล JPD-100S6 สามารถฟังเสียงหัวใจน้องผ่านลำโพงได้โดยตรง ไม่ต้องใส่หูฟัง และยังสามารถ แสดงอัตราการเต้นหัวใจของน้องต่อนาที ผ่านทางหน้าจอสีได้อีกด้วย

3.รุ่นดิจิตอล รุ่นล่าสุด JPD-100E สามารถฟังเสียงหัวใจน้องผ่านลำโพงได้โดยตรง ไม่ต้องใส่หูฟัง และยังสามารถ แสดงอัตราการเต้นหัวใจของน้องต่อนาที ผ่านทางหน้าจอสีได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีขนาดหน้าจอใหญ่กว่ารุ่นเดิม และเป็นลิเธี่ยมแบตเตอรี่ สามารถชาร์ทได้ในตัว
เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ JPD 100E
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ท้องควรไปพบหมอตามนัดทุกครั้ง เพื่อให้คุณหมอตรวจสุขภาพของลูกในท้องอยู่เป็นประจำกันนะครับ
#ท้องอ่อน #ท้อง 3 เดือน #ตั้งครรภ์ #เครื่องฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ #ลูกในท้อง #เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก #ลูกไม่ดิ้น
Credit: Amarin Baby & Kids
Picture:Pixabay